Subscribe:

DekvanzClub

วันอังคารที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2554

แกรนด์ ทัวริสโม่ ที่เต็มไปด้วยขุมพลังแรงม้าถึง 380 แรงม้า (279 กิโลวัตต์) และอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแค่ เพียง 6.8 ลิตร/100 กิโลเมตรเท่านั้น

แกรนด์ ทัวริสโม่ ที่เต็มไปด้วยขุมพลังแรงม้าถึง 380 แรงม้า (279 กิโลวัตต์) และอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแค่ เพียง 6.8 ลิตร/100 กิโลเมตรเท่านั้น (ตามรูปแบบการขับขี่ NEDC)

เอเอเอสฯ พร้อมบุกตลาดไฮบริด เปิดตัวที่สุดแห่งนวัตกรรมยานยนต์: พานาเมร่า เอส ไฮบริด (Panamera S Hybrid) ใหม่ที่มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Co2) เพียง 159 กรัมต่อกิโลเมตรเท่านั้น

บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวใน ประเทศไทย จัดงานเปิดตัวที่สุดแห่งนวัตกรรมยานยนต์ภายใต้ชื่องาน Panamera S Hybrid Press Launch เพื่อประกาศความสำเร็จของหลักประสิทธิภาพการทำงานอย่างอัจฉริยะของปอร์เช่ หรือ Porsche Intelligent Performance ด้วยการเผยโฉมพานาเมร่า เอส ไฮบริด (Panamera S Hybrid) ใหม่ซึ่งจะออกมาโกยความสำเร็จอย่างต่อเนื่องให้กับรถ 4 ประตูแกรนทัวริสโม่ของตระกูลปอร์เช่นี้ ทั้งนี้ภายในงาน เอเอเอสฯ ได้นำเสนอเทคโนโลยีไฮบริดชั้นนำของปอร์เช่ที่มีความโดดเด่นและแตกต่างจากที่ ท่านเคยรู้จักมาก่อน โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคปอร์เช่คอยให้คำแนะนำและอธิบายถึงการทำงานของ เทคโนโลยีไฮบริดอย่างมีประสิทธิภาพและเหนื่อชั้นกว่าให้แก่ผู้สื่อข่าวที่มา ร่วมงานได้สัมผัสกับนวัตกรรมยานยนต์คันนี้อย่างใกล้ชิด พร้อมทีมผู้บริหารบริษัท เอเอเอส ออโต้เซอร์วิส จำกัด ร่วมแถลงข่าวเปิดตัวอย่างเป็นทางการอีกด้วย

พานาเมร่า แกรนทัวริสโม่รุ่นนี้ซึ่งมีขุมพลังอยู่อย่างเต็มพิกัด และพร้อมจะทะยานไปข้างหน้าได้อย่างโดดเด่นและเต็มไปด้วยความเป็นสปอร์ต ด้วยกำลังเครื่องยนต์ที่มีแรงม้าสูงสุดถึง 380 แรงม้า (279 กิโลวัตต์) และมีอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงที่ดีเยี่ยมนั่นคือ 6.8 ลิตร/100 กม. เพียงเท่านั้น (ตามรูปแบบการขับขี่แบบ NEDC) อีกทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยอัตราการปล่อย C02 เพียง 159 กรัม/กม. สมรรถนะเครื่องยนต์ที่ดีเยี่ยมของพานาเมร่า เอส ไฮบริด (Panamera S Hybrid) นี้ จึงทำให้ปอร์เช่รุ่นนี้กลายเป็นรุ่นที่ประหยัดที่สุดสำหรับแบรนด์ปอร์เช่ ตั้งแต่เคยมีมาและถือได้ว่าโดดเด่นทิ้งรถรุ่นอื่นๆที่มีเครื่องยนต์ไฮบริดใน คลาสเดียวกันไปได้อย่างสง่างาม ทั้งในเรื่องของความประหยัดและอัตราการปล่อยมลพิษที่ดีเลิศ ความสำเร็จนี้ต้องขอบคุณต่อมิชลิน (Michelin) ที่มีส่วนเช่นกัน เพราะมิชลิน (Michelin) ได้ทำการผลิตยางรุ่นพิเศษที่มีประสิทธิภาพความต้านทานที่ลงตัวและพร้อมใช้ใน ทุกฤดู อีกทั้งยังผลิตออกมาเพื่อพานาเมร่ารุ่นนี้โดยเฉพาะ ซึ่งสามารถเลือกติดตั้งเป็นอุปกรณ์เสริมได้ และหากติดตั้งยางรุ่นมาตรฐานแล้วอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงนั้นยังอยู่ ในระดับที่ดีเยี่ยมจนเหลือเชื่อด้วยอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเพียงแค่ 7.1 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตรเท่านั้น (ตามรูปแบบการขับขี่แบบ NEDC) และมีอัตราการปล่อย CO2 อยู่แค่เพียง 167 กรัม/กม. เท่านั้นเอง

พานา เมร่า เอส ไฮบริด (Panamera S Hybrid) ได้กำหนดมาตรฐานใหม่ให้กับวงการรถไฮบริด ทั้งในแง่ของประสิทธิภาพที่คลาสสิกเมื่อวัดจากลักษณะความเป็นรถไฮบริด โดยพานาเมร่า เอส ไฮบริด สามารถเร่งเครื่องจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ในเวลาเพียงแค่ 6.0 วินาทีเท่านั้นและมีความเร็วสูงสุดที่ 270 กม./ชม. เครื่องยนต์ที่ทำงานโดยระบบมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวนั้นสามารถวิ่งได้ ยาวถึง 2 กม. โดยประมาณหรือวิ่งได้จนถึงอัตราความเร็วที่ 85 กม./ชม. ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาวะการขับขี่ เครื่องยนต์ไฮบริดของปอร์เช่คือระบบเดียวในโลกที่สามารถใช้ประโยชน์จากการ บริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงซึ่งต้องขอบคุณต่อระบบที่เรียกว่า "Sailing" ที่ใช้ขับเคลื่อนบนมอเตอร์เวย์และถนนสายหลัก และจะทำการตัดการทำงานและปิดหน่วยขับเคลื่อน powertrain เมื่อความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 165 กม./ชม.

พานาเมร่า เอส ไฮบริด (Panamera S Hybrid) ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ผสมเหมือนกับรุ่นคาเยนน์ เอส ไฮบริด (Cayenne S Hybrid): ซึ่งเครื่องยนต์ที่ทำการขับเคลื่อนหลักคือเครื่องยนต์เผาไหม้ขนาด 3 ลิตร V6 และสามารถส่งผ่านกำลังสูงสุดได้ถึง 333 แรงม้า (245 กิโลวัตต์) และสนับสนุนด้วยเครื่องยนต์แบบไฟฟ้าที่เพิ่มกำลังแรงม้าเพิ่มเติม 47 แรงม้า (34 กิโลวัตต์) ทั้งสองเครื่องยนต์สามารถให้ขุมพลังพานาเมร่าได้ด้วยตนเองและด้วยการทำงาน ร่วมกัน ซึ่งมอเตอร์ไฟฟ้านั้นจะทำงานเป็นทั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าและสตาร์ทเตอร์ได้ ทั้งสองอย่างเลยทีเดียว ด้วยการทำงานร่วมกับระบบคลัชต์แยกทำให้เกิดโมดูลไฮบริดขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ ระหว่างเครื่องยนต์เผาไหม้และเกียร์ มอเตอร์ไฟฟ้าจะเชื่อมต่อกับแบตเตอรี่โลหะนิกเกิลไฮไดรด์ (NiMh) ซึ่งพลังงานไฟฟ้าจะเก็บได้จากการเบรคและการขับเคลื่อนของรถ ระบบส่งผ่านกำลังจะถูกจัดการโดยระบบเกียร์ 8 จังหวะ Tiptronic S ที่คุ้นเคยและติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรุ่นคาเยนน์นั่นเอง หากแต่อัตราส่วนการแพร่กระจายของกำลังนั้นกว้างกว่า

ส่วนของอุปกรณ์ ในพานาเมร่า เอส ไฮบริด (Panamera S Hybrid) ถือได้ว่ามีอุปกรณ์ที่ติดตั้งมาเป็นมาตรฐานมากกว่ารุ่นพานาเมร่าเอส (Panamera S) เครื่องยนต์ 8 สูบเสียอีก ตัวอย่างเช่น รุ่นไฮบริดนี้จะติดตั้งระบบช่วงล่างแบบถุงลม (Adaptive Air Suspension) มาเป็นมาตรฐานพร้อมด้วยระบบการปรับตัวของระบบโช๊คอัพ (Adaptive shock-absorber system) ที่มาพร้อมกับ PASM ระบบ Servotronic และที่ปัดน้ำฝนด้านหลังก็ได้รับการติดตั้งมาเป็นมาตรฐานด้วยเช่นเดียวกัน ในแกรนทัวริสโม่ (Gran Turismo) คันนี้ยังมีการใช้แนวคิดการแสดงผลของนวัตกรรมไฮบริดในคาเยนน์ เอส ไฮบริด (Cayenne S Hybrid) ที่พร้อมจะให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสถานะการขับขี่ที่เฉพาะของเครื่องยนต์ ไฮบริดต่อผู้ขับขี่อีกด้วย

ด้วยรุ่นไฮบริดที่เข้ามาเสริมทัพใหม่นี้ ทำให้พานาเมร่านั้นมีให้เลือกถึง 6 รุ่นที่แตกต่างเลยทีเดียว ซึ่งทุกรุ่นต่างพัฒนาและผลิตขึ้นมาตามหลักปรัชญากลยุทธ์ที่สำคัญของปอร์เช่ นั่นคือ “หลักประสิทธิภาพอย่างอัจฉริยะของปอร์เช่”(Porsche Intelligent Performance) และเป็นผลให้พานาเมร่ากลายมาเป็นรุ่นที่โดดเด่นในคลาสนี้ ด้วยความสามารถในการผสมผสานความเป็นสปอร์ตเข้าสู่ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวด ล้อมได้อย่างลงตัวนั่นเอง ด้วยสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่า พานาเมร่านี้คือสิ่งที่ลูกค้าต้องการ จึงแสดงให้เห็นว่านี่คือข้อยืนยันให้เห็นถึงความสำเร็จในตลาดได้อย่างสง่า งามด้วยยอดขายเกือบ 30,000 คันตั้งแต่ออกสู่ตลาดได้เพียง 15 เดือนเท่านั้น ซึ่งหมายถึงแกรนทัวริสโม่สามารถเข้าไปครอบครองส่วนแบ่งตลาดรถหรูได้ถึง 13 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว และแน่นอนรุ่นใหม่ล่าสุดของพานาเมร่านี้จะเป็นรุ่นที่เพิ่มความน่าดึงดูดให้ กับปอร์เช่ในตลาดรถยนต์ได้อย่างไม่ต้องสงสัย

อีกหนึ่งความสำเร็จของ นวัตกรรมยานยนต์เพื่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังคงสมรรถนะและขุมพลังของความเป็นสปอร์ต คือ ปอร์เช่ คาเยนน์ เอส ไฮบริด (Cayenne S Hybrid) รถสปอร์ตอเนกประสงค์ (SUV) เครื่องยนต์ไฮบริด นับเป็นครั้งแรกของการรวมพลังของกำลังไฟฟ้ากับสมรรถนะอันทรงพลังและการขับ ขี่อย่างใส่ใจสภาพแวดล้อม ที่ปอร์เช่นำออกสู่ตลาดมาก่อนหน้านี้ ซึ่งได้รับการตอบรับและมียอดจำหน่ายอย่างล้นหลาม จึงเป็นสิ่งยืนยันได้ถึงความก้าวล้ำของเทคโนโลยีไฮบริดของปอร์เช่ที่โดดเด่น และแตกต่างเพื่อตอบสนองความต้องการของคนรุ่นใหม่หัวใจสปอร์ตอย่างแท้จริง

สำหรับ ประเทศไทย รถยนต์ปอร์เช่ พานาเมร่า เอส ไฮบริด (Panamera S Hybrid) และคาเยนน์ เอส ไฮบริด (Cayenne S Hybrid) พร้อมให้ท่านสัมผัสอย่างใกล้ชิดได้แล้วที่บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวใน ประเทศไทยเท่านั้น ที่มีศูนย์บริการมาตรฐานและทีมบริการ (Service Teams) ที่มากประสบการณ์ ซึ่งได้รับการฝึกอบรมจากทางโรงงานปอร์เช่ประเทศเยอรมนีโดยตรง พร้อมให้บริการรถปอร์เช่ของท่าน และซื้อรถยนต์ปอร์เช่จากทางเอเอเอสเท่านั้นที่สามารถได้สิทธิ์การรับประกัน จากโรงงานปอร์เช่ประเทศเยอรมนีนาน 9 ปี

ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์ปอร์เช่ ได้ที่ แผนกขาย โทร. 02-522-6655 ต่อ 101-102 หรือ

เยี่ยมชมเว็บไซด์ได้ที่ www.porsche.co.th
หมายเหตุ: ผู้สื่อข่าวสามารถเข้าไปค้นหาข่าวสารและรูปภาพของปอร์เช่ พานาเมร่า เอส ไฮบริด (Panamera S Hybrid)

ได้ใน Porsche Press Database ที่เว็บไซด์ https://presse.porsche.de
Porsche Centre Bangkok PR
Public Relations and Media
กมลทิพย์ ศักดิ์สมานชัย
Phone: +662 522 6655 ext. 448
E-Mail: kamonthip@porsche.co.th

ที่มา : ThaiPR.net 

จากลิงค์ http://www.dekvanzclub.in.th/smf/?topic=10498.msg12130;topicseen#msg12130

Credit : คลิปโคโยตี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น