การขับรถประเภทขับเคลื่อน 4 ล้อ หรือ 4WD มีข้อดี ถ้าล้อหน้าของรถขับเคลื่อน 4 ล้อ ปะทะกับสิ่งกีดขวางใดๆ ล้อหลังจะผลักจากด้านหลัง หรือ ถ้าล้อหลังตกลงในหลุมโคลน ล้อหน้าจะยกให้ตัวรถยกขึ้น ทำให้รถขับเคลื่อน 4 ล้อสามารถขับผ่านในสภาพถนนที่ขรุขระไปได้อย่างดี และวิธีการดูแลรักษารถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ ก็ไม่มีอะไรแตกต่างจากการดูแลรักษารถยนต์ทั่วไปมากนัก แต่ยังมีความจำเป็นสำหรับผู้ที่เลือกรถประเภทนี้ไว้เป็นพาหนะคู่ใจ
การ ดูแลรักษาเพื่อยืดอายุการใช้งานของรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ มีความสำคัญอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นก่อนหรือหลังการเดินทาง ดังนั้นจึงควรมีการตรวจสอบระบบต่างๆ เริ่มตั้งแต่ระบบพื้นฐานว่าอยู่ในสภาพสมบูรณ์หรือไม่ อาทิ ท่อยางของระบบหม้อน้ำ น้ำยาแอร์ หรือระบบน้ำมันต่างๆ เช่น น้ำมันเครื่องยนต์ น้ำมันเกียร์ น้ำมันเฟืองท้าย น้ำมันเพาเวอร์ และควรเตรียมน้ำมันเหล่านี้สำรองไว้ เพื่อความอุ่นใจในการเดินทาง
ระบบ ไฟส่องสว่างต่างๆ ควรอยู่ในสภาพสมบูรณ์ สามารถใช้งานได้ตามต้องการ รวมถึงก้านปัดน้ำฝน และน้ำในกระบอกควรเติมให้เต็ม เพราะการลุยโคลนในบางครั้งอาจจำเป็นต้องใช้ทำความสะอาดกระจกบังลมหน้า
และ สิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งไม่ควรลืมตรวจเช็คนั่นก็คือ ยาง และยางอะไหล่ ควรตรวจวัดระดับแรงดันลมยางให้เรียบร้อย และมีลมยางอยู่ในระดับที่กำหนด ส่วนยางอะไหล่ให้เติมลมเกินจากระดับที่กำหนดไว้ เพราะถ้าต้องการใช้งานก็แค่ปล่อยแรงดันลมส่วนเกินออกไปดีกว่าเวลาจะใช้ แรงดันลมในยางเกิดไม่พอดีจะลำบาก นอกจากนั้น ในขณะขับบนทางขรุขระควรปล่อยแรงดันลมยางออกแต่อย่าให้ต่ำกว่า 20 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว เพื่อเพิ่มความนุ่มนวล แต่ต้องระวังการบาดของหินหรือวัตถุมีคม ซึ่งมีวิธีระมัดระวังด้วยการไม่ควรใช้ความเร็วเกิน 35 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และถ้าต้องการลุยโคลนควรเติมแรงดันลมยางให้แข็งกว่าปกติสักเล็กน้อย เพื่อประสิทธิภาพในการตะกายผ่านแอ่งโคลน
เมื่อผ่านการใช้งานก็ควรมี การดูแลตามมาด้วย เพราะคราบโคลนหรือสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ในรถยนต์ จะเป็นปัญหาหรือทำให้เกิดสนิมขึ้นได้ จึงควรล้างรถและทำความสะอาดทันที หลังจากผ่านการใช้งานนั้นแล้ว เพราะนอกจากทำให้เกิดสนิมในระยะยาวแล้ว อาจส่งผลต่อการทำงานของเครื่องยนต์ ทำให้มีความร้อนขึ้นสูง เนื่องมาจากคราบโคลนที่กระเด็นมาติดตามหม้อน้ำจนทำให้ประสิทธิภาพในการระบาย ความร้อนลดลง
การตรวจสอบหลังจากที่ลุยน้ำก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ไม่ควร ละเลย เพราะเป็นความคิดที่ไม่ค่อยถูกนักว่า เมื่อชุดเกียร์และเฟืองท้าย หรืออ่างน้ำมันไม่มีการรั่วซึม เวลาลุยน้ำ น้ำจะไม่มีโอกาสเข้าไปในระบบ เพราะในความเป็นจริงนั้น ขณะใช้งาน กลไกภายในระบบขับเคลื่อนจะมีความร้อนสูงมากและเมื่อขับลงไปลุยน้ำลึกทันที ความร้อนในห้องเกียร์และเฟืองท้ายจะลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้อากาศภายในมีการหดตัวและดูดน้ำเข้ามาผ่านทางซีลและแหวนรองต่างๆ มีผลทำให้ชุดเกียร์หรือเฟืองท้ายพังได้ ทางที่ดีหลังการลุยน้ำลึก ควรตรวจสอบสภาพของน้ำในเครื่องยนต์ทันที
หากมีสีน้ำตาลอ่อนคล้ายกาแฟ ใส่นมหรือเป็นฟองผสมกับน้ำ ควรรีบเปลี่ยนทันที ส่วนห้องเกียร์และเฟืองท้าย เพื่อความมั่นใจหลังผ่านการลุยน้ำลึก ควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์และน้ำมันเฟืองท้ายทันทีเป็นการป้องกันไว้ก่อน
สุด ท้ายควรใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออย่างน้อยเดือนละ 20 กิโลเมตร เพื่อให้ระบบขับเคลื่อนที่ชุดเฟืองล้อหน้าได้รับการหล่อลื่นอย่างสม่ำเสมอ
ที่มา : หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
จากลิงค์ http://www.dekvanzclub.in.th/smf/?topic=10514.msg12147;topicseen#msg12147
Credit : คลิปโคโยตี้
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น