Subscribe:

DekvanzClub

วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ออดี้A5/S5

ในตอนนี้ “ออดี้” จัดการปรับโฉมกระตุ้นตลาดให้กับความเร้าใจในรหัส 5 ของรถสปอร์ตในตระกูล A5 ทั้งตัวถังคูเป้, เปิดประทุน, สปอร์ตแบ็กแบบ 4 ประตู รวมถึงรหัสร้อนอย่าง S5 แล้ว เตรียมลุยตลาดยุโรปตั้งแต่ปลายปีนี้เป็นต้นไป

A5 เป็นความสปอร์ตที่ถูกแยกตัวออกมาจากรุ่น A4 เพื่อก่อให้เกิดความแปลกใหม่และแตกต่างออกไป จากเดิมที่ออดี้รวมตัวถังทั้งซีดาน, แวกอน, คูเป้ และเปิดประทุนของ A4 วางขายด้วยชื่อเดียวมาโดยตลอด นอกจากนั้นการทำเช่นนี้ยังถือเป็นการใช้รหัสหมายเลขเพื่อบ่งบอกกลุ่มตลาดของ ตัวรถอย่างชัดเจน ซึ่งตัวเลขคู่จะถูกใช้กับรถยนต์นั่งในแบบซีดานและแวกอน เช่น A4, A6, A8 ส่วนเลขคี่ถ้าเป็นรหัส A จะหมายถึงตัวถังสปอร์ต เช่น A1, A3, A5 และ A7 และถ้าเป็นรหัส Q จะหมายถึง SUV ยกเว้นรุ่น R8 ที่อยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์นี้ เพราะชื่อรุ่นถูกตั้งตามตัวแข่งเลอมังส์

สำหรับ จุดหลักของการเปลี่ยนแปลงสามารถสังเกตได้อย่างชัดเจน และไม่ว่าจะเป็นตัวถังไหน รหัสไหนในตระกูล A5/S5 ก็ใช้รายละเอียดของรูปลักษณ์ด้านหน้าเหมือนกันหมด โดยสิ่งที่แตกต่างจากเดิมคือไฟหน้าแบบใหม่ ที่มีการเล่นระดับของขอบด้านล่าง จากเดิมที่เป็นทรงสี่เหลี่ยมปกติ และมีการใช้หลอด LED เดินเป็นเส้นเพื่อทำหน้าที่เป็น Daytime Running Light ซึ่งจากความเปลี่ยนแปลงตรงนี้จำเป็นจะต้องมีการออกแบบกันชนหน้าใหม่ตามไป ด้วย เพราะเป็นส่วนที่เชื่อมต่อกับขอบล่างของไฟหน้าโดยตรง

ด้านท้าย อาจจะไม่เปลี่ยนแปลงมากเท่ากับด้านหน้า เพราะกรอบและรูปทรงของไฟท้ายก็ยังทรงเดิม แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือการจัดวางตำแหน่งของไฟสัญญาณต่างๆ ที่อยู่ข้างใน และลวดลายของชุดโคมไฟท้ายที่ดูสวยสปอร์ตขึ้น เช่นเดียวกับชายล่างของกันชนที่ได้รับการออกแบบใหม่ให้ดูดุดันยิ่งขึ้นด้วย

จาก ความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้ขนาดของตัวถังมีการเปลี่ยนไปเล็กน้อย โดยมีความยาวเพิ่มขึ้นอีก 1 มิลลิเมตร เช่น ในรุ่นสปอร์ตแบ็กแบบ 5 ประตู ความยาวของตัวถังขยับขึ้นมาเป็น 4,710 มิลลิเมตร และ 4,630 มิลลิเมตร สำหรับรุ่นคูเป้และเปิดประทุน อีกทั้งออดี้ยังเพิ่มสีตัวถังใหม่ๆ ให้เลือกสัมผัส และทำให้ A5 ทุกรุ่นมีสีให้เลือกมากถึง 16 โทนสีเลยทีเดียว

ส่วน ภายในห้องโดยสารเปลี่ยนแปลงไม่มาก นอกจากพวงมาลัยใหม่แล้วก็จะเน้นไปที่เรื่องของการเปลี่ยนวัสดุในการตกแต่ง ภายในเพื่อสะท้อนถึงความหรูหราและความปราดเปรียวมากยิ่งขึ้น

ขณะ เดียวกันทางเลือกของเครื่องยนต์ยังคงหลากหลายเช่นเดิม โดยเริ่มต้นกับรุ่น 1.8TFSI แบบ 4 สูบเรียง 1,800 ซีซี. เทอร์โบ ที่มีกำลังอยู่ในระดับ 170 แรงม้า แต่ได้รับการปรับปรุงในเรื่องของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งลดลง 21% อยู่ในระดับ 134 กรัมต่อ 1 กิโลเมตร และด้านความประหยัดน้ำมันค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 17 กิโลเมตร/ลิตร

สำหรับ รุ่นเบนซินอื่นๆ ที่มีให้เลือกก็เป็นตัวแรงอย่าง 2.0TFSI แบบ 4 สูบ 2,000 ซีซี. พร้อมเทอร์โบและระบบไดเร็กอินเจ็กชั่น มีกำลังสูงสุด 211 แรงม้า และวี 6 พิกัด 3,000 ซีซี. TFSI ที่มีกำลัง 272 แรงม้า

ในกลุ่ม เทอร์โบดีเซลก็มาพร้อมกับความแรงและความประหยัด โดยเริ่มตั้งแต่เครื่องยนต์ 4 สูบเรียง 2,000 ซีซี. 177 แรงม้า ที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 122 กรัมต่อ 1 กิโลเมตร แต่มีความประหยัดในระดับ 21.3 กิโลเมตร/ลิตร เลยทีเดียว

ถ้าขยับขึ้น สูงจากนี้เป็นบล็อกใหญ่แบบวี 6 ขนาด 3,000 ซีซี. ที่มีกำลังสูงสุด 204 แรงม้า และ 245 แรงม้า โดย A5 ทุกรุ่นมีระดับมลพิษในไอเสียสามารถผ่านมาตรฐาน Euro 6

ความเปลี่ยน แปลงหลักอยู่ที่ตัวแรง S5 ของทุกรุ่นตัวถัง เพราะหันมาวางเครื่องยนต์ 3.0TFSI ที่ได้รับการอัพเกรดเรี่ยวแรงขึ้นมาเป็น 333 แรงม้า และเมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์วี 8 4.200 ซีซี. ตัวเดิมแล้ว จะตอบสนองในด้านความประหยัดน้ำมันดีขึ้น 20% แต่สมรรถนะใกล้เคียงของเดิม ด้วยตัวเลขอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 4.9 วินาที และความเร็วสูงสุดถูกล็อกเอาไว้ที่ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ระบบส่ง กำลังมีให้เลือกหลากหลาย ถ้าเป็นรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าก็มีแบบเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ หรือไม่ก็อัตโนมัติ อัตราทดแปรผันต่อเนื่อง หรือ CVT ที่ออดี้เรียกว่า Multitronic ส่วนรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา Quattro ก็เป็นแบบธรรมดา และอัตโนมัติแบบคลัตช์คู่ 7 จังหวะ รุ่น S-Tronic
ราคาขาย A5 โดยรุ่นเริ่มต้นอย่าง A5 1.8TFSI  ราคา 33,350 ยูโร

ที่มา : หนังสือพิมพ์บ้านเมือง

จากลิ้ง http://www.dekvanzclub.in.th/smf/?topic=10320.msg11931;topicseen#msg11931

Credit : รูปพริตตี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น