Subscribe:

DekvanzClub

วันอังคารที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ขับไปคุยไป...เที่ยวทั่วไทยกับ'รณชิต': ไปขับ All New Mazda3 เครื่อง 2.0 ลิตร

แล้วก็มาถึงคอลัมน์ของบรรดาภรรยาๆ ที่เคารพ เมื่อรณชิตได้รับชวนจากคุณอุทัย เรืองศักดิ์ เพื่อนที่บริษัท มาสด้าเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ให้ไปลองขับรถเก๋งคันแรง โดยใช้เส้นทางจากกรุงเทพฯ-ปากช่อง และวังน้ำเขียว ที่ท่านทั้งหลายกำลังทะเลาะกันนี่แหละ ไปสิ้นสุดที่แคนทารี ฮิลส์ แอนด์ เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ที่กบินทร์บุรี ซึ่งมีหม้อไหใบเบิ้มไว้บริการครบถ้วน สงสัยจะเจ้าของเดียวกันกับที่เชียงใหม่ ตกแต่งเหมือนกันเด๊ะเลย

พวก เราไปด้วยกัน 20 คัน รวมมูลค่าประมาณ 20 ล้านบาท ตั้งแต่เกิดเป็นคนมารณชิตก็เพิ่งเคยเห็นว่ามาสด้าประเทศไทยร่ำรวยอู้ฟู่ ใจถึงสุดๆ นี่พูดตามตรงนะครับ เพราะรถป้ายแดงคันแรกของผมก็คือมาสด้า ตอนนั้นบริษัทเขาลดราคาพิเศษให้หน่อยเดียวเอง

ขอบอกว่านั่งสบายมาก ห้องโดยสารกว้าง เบาะมีระยะห่างจากแผงประตูราว 1 ฝ่ามือ การออกแบบภายในใหม่หมด 100 โปเซ็ง "ไม่ต้อนห่วน ไม่ต้อนเดา" เพราะเห็นตำตา และมีวิศวกรชาวญี่ปุ่นมาอธิบายรายละเอียดครบถ้วน

รณชิตและเพื่อน หวดไปตามถนนพหลโยธิน ออกเส้นบายพาสเลี่ยงเมืองสระบุรี เข็มไมล์ของมาสด้า3 กวาดไปชี้ที่ 210 กม./ชม. ผมรีบสื่อสารถามคุณอุทัยว่า ทำไมปล่อยกล่อง ECU ขนาดนี้ เพราะเท่าที่รู้มา ต้องล็อกตามมาตรฐานของถนนบ้านเรา ที่เขาด่ากันว่าเต็มไปด้วยการคอรัปชั่น แปลว่าอะไรช่างมันนะ แต่รู้ว่ามีจุดเสี่ยงหลายตารางกิโลเมตรในถนนแต่ละสาย รถหลายรุ่นโดยเฉพาะรถสูงแบบ SUV จะต้องล็อกความเร็วไว้ราว 170 กม./ชม. ไม่งั้นลูกค้าขับไปคว่ำตายเพราะถนน (ไม่ใช่เพราะรถ) คนขายรถก็จะต้องถูกด่าฟรีๆ และเสื่อมเสียชื่อเสียงอีกต่างหาก

คุณ อุทัยเพื่อนรักบอกว่า สำหรับมาสด้า3 ไม่เคยล็อกกล่องมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เพราะมั่นใจในประสิทธิภาพของช่วงล่าง ขนาดคันใหญ่เครื่องแรงอย่าง SUV

มาสด้า CX-9 ยังล็อกไว้ที่ 195 กม./ชม. เพราะเป็นรถหนักและตัวสูง แต่พลังเหลือเฟือ จนต้องหากรรมการมาห้าม

สั้นๆ นะครับ รณชิตไม่ชอบขี้คุย ขอบอกว่า มาสด้า3 เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร พวงมาลัยนิ่ง แม่น แน่น และคม แต่ต้องอยู่ในระนาบประมาณ 140 กม./ชม. อัตราเร่งหายห่วง เครื่อง 2.0 ลิตร รับประทานขาดเชือก ถ้าเกินจากนี้ต้องเข้าใจว่า เมื่อรถไฮเปอร์ฟอร์แมนซ์ คนขับก็ต้องไฮเปอร์ด้วย ขนาดมีเงินไปซื้อเฟอร์รารีมาขับ ยังต้องอบรมการขับก่อนรับรถ เพราะคนขายเขากลัวว่าคนซื้อจะขับรถไปตายได้ง่ายๆ นะซีโยม ขนาดดาราดังอย่างมิสเตอร์บีนยังขับแม็ค ลาเรน เอฟ 1 คันละ 30 ล้านไปชนต้นไม้เลย อะโด่..นะ

เวลานั่งในห้องโดยสารจะรู้สึกโอ่โถง เพราะมีซันรู้ฟที่หลังคาด้วย ที่หน้าปัดมีจอแสดงการใช้งานและการขับครบถ้วน เป็นการสมบูรณ์พูนผลสำหรับเจ้าของรถที่ชอบความละเอียด แต่อาจจะเป็นเรื่องปัญญาอ่อนสำหรับคนที่คิดว่าตัวเองเก่งเกิน เหมือนสมัยที่เปอโยต์เคยนำสัญญาณไฟชั่งน้ำหนักเท้าขวามาติดตั้งในรุ่น 505 กดคันเร่งแรงๆ มันจะขึ้นไฟแดง กดอย่างสุภาพมันก็ขึ้นไฟเขียว ซึ่งหมายถึงสามารถประหยัดน้ำมันได้ดีกว่า แต่คนเก่งๆ ชอบพูดว่าเป็นไฟปัญญาอ่อน

ทางด้านภาคบันเทิง ระบบเครื่องเสียงของมาสด้า3 ก็ไม่ใช่ปู๊ดๆ มีหลายอย่างควบคุมได้จากพวงมาลัย รวมทั้งการเปลี่ยนเกียร์ด้วยครับเจ้านาย เยี่ยมจริงครับ

รถรุ่นนี้ ฐานล้อยังเท่าเดิมกับรุ่นเก่านะครับ แต่ห้องโดยสารกว้างขึ้นแบบเห็นๆ ช่วงล่างหนึบ แน่น เที่ยง เพียงแต่ถ้าเกิน 140 กม./ชม.พวงมาลัยจะให้ความรู้สึกเบาลงไป แต่ไม่ถึงกับหวิว

วิศวกรชาว ญี่ปุ่น อธิบายให้รณชิตฟังว่า เหล็กซับพอร์ทที่ด้านหลัง ได้เพิ่มความหนาจาก 2.0 เป็น 2.3 มม. รวมทั้งองค์ประกอบอื่นๆ ทำให้ห้องโดยสารเงียบจากพื้นถนนถึง 11% เพราะโครงสร้างที่แข็งแรงด้วยเหล็กที่ทนความเค้นได้สูง เสียงลมปะทะก็เบาลงเพราะใส่ฉนวนเพิ่ม ส่วนที่พวงมาลัยเบาไปหน่อยเมื่อใช้ความเร็วสูง เป็นเพราะมีการปรับปรุงเพื่อให้สุภาพสตรีหรือบรรดาภรรยาๆ ทั้งหลายสามารถขับได้ง่ายขึ้น แต่วิศวกรญี่ปุ่นยืนยันว่า เสถียรภาพของช่วงล่างยังโอเค. เรื่องนี้รณชิตก็เข้าใจ เพราะคุณอุทัยซึ่งเป็นประชาสัมพันธ์ และคุณธีร์ ที่เป็นผู้ดูแลผลิตภัณฑ์ ก็นั่งยัน-นอนยัน กับรณชิตจนถึงเช้าของอีกวัน

ขณะที่ขับด้วยความเร็ว สูงเกินขนาดของมนุษย์ธรรมดาที่เขาเพิ่งขับกัน จะได้ยินเสียงยางแก้มเตี้ยทะลวงเข้ามาในห้องโดยสาร เป็นยางขนาด 205/50R17 ซึ่งแก้มเตี้ยแป้กเลย เรื่องนี้ท่านผู้รู้อธิบายว่า ถ้าจะเอาแบบเกาะถนนก็ต้องทนฟังเสียงยาง เพราะมันเป็นความจริง ที่สมรรถนะมักขัดแย้งกับความเงียบอยู่แล้ว อยากเป็นนักเลงก็ต้องคุยเสียงดังนิดหน่อย แต่ในอารมณ์ปกติ นักเลงมักจะสุภาพนะครับแม่!!
บรรยายใต้ภาพ
เบาะหน้านั่งสบายดี
เกียร์เล่นได้หลายสเต็ป
หวดเต็มเหนี่ยว 210 กม./ชม.

ที่มา : หนังสือพิมพ์บ้านเมือง

จากลิ้ง http://www.dekvanzclub.in.th/smf/?topic=10240.msg11828;topicseen#msg11828

Credit : รูปพริตตี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น